จะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นทั้งนี้ ทัวร์ญี่ปุ่นไม่รีบพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักประวัติและความน่าสนใจของภูเขาไฟฟูจิ ที่เมืองโตเกียวกันได้ยังไง เพราะที่นี่คือจุดเด่นของเมืองโตเกียวกันเลยทีเดียว ว่าแล้วไปฟังที่มาและความน่าสนใจที่ชวนให้นักท่องเที่ยวพากันไปเยี่ยมเยือนสถานที่นี้กันเลยดีกว่า
ภูเขาไฟฟูจิ โตเกียว (Fuji-san ) 富士山เป็นแรงบันดาลใจให้กับการรังสรรค์ผลงานของนักประพันธ์ กวีและศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของญี่ปุ่น ในโลกนี้คงจะหาภูเขาใดซึ่งเป็นที่ยกย่องชื่นชมดังภูเขาไฟฟูจิได้ยากเต็มที เช่นเดียวกับที่คงไม่มีทะเลสาบใดที่จะมีคนนิยมไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันยิ่งไปกว่าทะเลสาบอาชิของเมืองอาโกเนะ แม้ว่าทางการจะกำหนดให้พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตนี้ เป็น “อุทยานแห่งชาติ” แต่กฎหมายด้านการพิทักษ์และควบคุมการใช้ประโยชน์ทางทรัพยากรธรรมชาติของญี่ปุ่นค่อนข้างหย่อนยาน จนทำให้อุทยานแห่งนี้แทบกลายเป็นสวนสนุกภูเขาไฟฟูจิผุดขึ้นพ้นน้ำของมหาสมุทรแปซิฟิกขึ้นมาตระหง่านอยู่เหนือเกาะญี่ปุ่นเป็นทรงกรวยคว่ำที่ได้สัดส่วน ด้วยความสูง 3.776 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล การระเบิดครั้งหลังสุดของภูเขาไฟลูกนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 1707 ส่งผลให้มีเถ้าลาวาลอยฟุ้งขึ้นปกคลุมเป็นรัศมีกว้างไกลไปถึงกรุงโตเกียวในสมัยเอโดะ ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 100 กิโลเมตร เดิมชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่สถิตของเทพเจ้า ที่นี้จึงเป็นแดนต้องห้ามสำหรับสุภาพสตรีมานานนับร้อยๆปี จวบจนปี 1867 จึงได้มีสตรีชาวอังกฤษผู้หนึ่งหาญกล้าปืนเข้าไปถึงยอด ผลที่ตามมาก็คือ ในบรรดาคนกว่า 400,000 คนที่เดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิในแต่ละปี จะเป็นสตรีอยู่ถึงครึ่งหนึ่งแม้กระทั่งจะมีคนมาพิชิตภูเขาไฟฟูจิกันตลอดทั้งปี แต่ฤดูขึ้นเข้า “อย่างเป็นทางการ” นั้นจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม และสิ้นสุดลงในวันที่ 1 สิงหาคม ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาจะมีบ้านพักและบริการอื่นๆ เตรียมไว้ให้บริการกับนักท่องเที่ยวอย่างพร้อมสรรพ แต่จะเปิดเฉพาะในช่วงฤดูขึ้นเขาเท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว ภูเขาไฟฟูจิจะคลาคล้ำไปด้วยนักท่องเที่ยว และมีบรรยากาศเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดเขาถ้าต้องการไปชมพระอาทิตย์ขึ้น จากบนยอดเขาก็ต้องเริ่มออกเดินทางในช่วงบ่าย ขึ้นไปพักค้างคืนอยู่บนเคบินที่อยู่ไม่ไกลจากยอดเขานัก (แต่ลืมเรื่องนอนพักไปได้เลย เพราะค่อนข้างจะอึกทึกมาก) แล้วค่อยเดินต่อขึ้นไปบนยอดเขาในช่วงย้ำรุ่งก่อนฟ้าจะทันสาง หรือจะใช้วิธีขึ้นเขาตอนกลางคืนแทนก็ได้ เส้นทางการเดินเท้าทุกสายมีคนเดินขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ต้องกลัวหลงทางแต่อย่างใด